ปรับชีวิต-ดูแลบ้าน ให้ห่างไกลจากโรคภูมิแพ้
ปรับชีวิต-ดูแลบ้าน ให้ห่างไกลจากโรคภูมิแพ้
"การดูแลบ้านให้ปราศจากสิ่งก่อภูมิแพ้ของวิลลิส แห่งซีเอ็นเอ็น มันนี่ นอกจากช่วยลดรายจ่ายด้านสุขภาพได้แล้ว ยังจะช่วยให้สมาชิกในบ้านมีสุขภาพกายกับใจดีขึ้นด้วยเช่นกัน"
-------------------------------
โดยปกติแล้วคอลัมน์ Tricks and Tips จะนำเสนอเรื่องราวการเงินใกล้ตัวที่มีประโยชน์ ทั้งทางตรง และทางอ้อม ซึ่งเนื้อหาอาจมีหนักบ้างเบาบ้าง และครั้งนี้เช่นกันเป็นคิวเบาๆ เรื่องราวบริหารการเงินของครอบครัวทางอ้อม
เพราะเป็นการแนะนำ 5 วิธีรักษาความสะอาดปราศจากสิ่งก่อภูมิแพ้ จากไอเดียของ เกอร์รี่ วิลลิส คอลัมนิสต์ของซีเอ็นเอ็น มันนี่ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเชื้อโรคร้าย หรือสิ่งที่ทำให้สมาชิกภายในบ้านเป็นโรคภูมิแพ้กันง่ายๆ และไม่ต้องเสียเงินค่ารักษาหรือตรวจร่างกายหาภูมิแพ้กันบ่อยๆ วิลลิสยกตัวอย่างของปัญหาโรคภูมิแพ้ในสหรัฐช่วงฤดูใบไม้ผลิ เกิดจากละอองเกสรที่ปลิวไปตามลม แต่ในอเมริกาหรือแม้แต่ประเทศอื่นๆ ทั่วโลก สิ่งก่อเกิดภูมิแพ้ไม่ใช่มีเพียงเกสรดอกไม้เท่านั้น แต่ยังมีสารอื่นๆ อีกมากมายที่ก่อให้เกิดภูมิแพ้ โดยสิ่งที่ก่อให้เกิดภูมิแพ้จากการตั้งข้อสังเกตของวิลลิส อาจไม่ได้มาจากสิ่งแวดล้อมภายนอกบ้านเท่านั้น เพราะในบ้านเองก็มีฝุ่นที่แฝงไปด้วยตัวไร ตัวเห็บและขี้รังแค ที่ก่อเกิดปฏิกิริยาในร่างกายมนุษย์ จนทำให้เกิดอาการแพ้มากบ้างน้อยบ้างแตกต่างกันไป
O "เน้นไปที่การทำความสะอาดห้องนอน" เพื่อขจัดสิ่งก่อปัญหา ทำให้ผู้อยู่อาศัยเกิดโรคภูมิแพ้ได้ง่าย จุดแรกที่ดีที่สุดในมุมมองของแองเจล วาลดรอน เจ้าหน้าที่ของ Asthma and Allergy Foundation of America. ที่สมาชิกทุกคนในบ้านจะดำเนินการก่อนคือ ห้องนอน เพราะคนทั่วไปใช้เวลาถึง 80% ในการทำกิจวัตรของตัวเอง โดยเฉพาะการนอนพักผ่อน วาลดรอน กล่าวอีกว่า บนที่นอนอาจมีตัวเล็นหรือตัวไร ที่แอบแฝงมากับฝุ่น และห้องนอนเป็นเหมือนสวรรค์ของเชื้อโรคร้ายเหล่านี้ ทั้งตัวเล็นตัวไรมักอาศัยอยู่ในหมอน ฟูกหรือเบาะรองนอน ที่นอนสปริง ผ้าห่ม และผ้าพันคอ ตัวเล็น ตัวไร ไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า และอาหารอันโอชะของเชื้อโรคเหล่านี้คือ ผิวหนังลอกแล้วตามตัวคนทั่วไป ทำให้เชื้อโรคจะวนเวียนอยู่รอบ แหล่งอาหารคือ สมาชิกภายในบ้าน และสภาพอากาศในสหรัฐจะมีเชื้อร้ายชนิดนี้เป็นจำนวนมากที่สุด ในช่วงเดือนกรกฎาคม และสิงหาคม หากเทียบกับไทยแล้วน่าจะอยู่ช่วงฤดูร้อน หากคนไทยที่อยู่ในสหรัฐ คิดระวังตัวเล็นตัวไร สิ่งที่สามารถทำได้คือ การซักผ้าลินิน 1 ครั้งต่อสัปดาห์ ควรใช้น้ำร้อนที่อุณหภูมิพอประมาณ และควรลงทุนซื้อหมอนป้องกันสิ่งก่อให้เกิดภูมิแพ้ และหาผ้าคลุมเตียงมาใชโดยหมอนชนิดพิเศษกันสิ่งก่อภูมิแพ้ ในสหรัฐซื้อขายกันที่ราคาประมาณ 10 ดอลลาร์ ผ้าคลุมเตียงราคาอยู่ระหว่าง 50-100 ดอลลาร์ ขอให้นึกเสมอว่าผ้าทำจากไวนิล (vinyl) อาจไม่ทำให้ผู้ใช้รู้สึกดีกับผิวเนื้อหรือสบายมือ แต่ผ้าชนิดนี้ใช้ได้ดีกับการป้องกันเชื้อโรคก่อภูมิแพ้ ด้วยการจ่ายถูกกว่าในราคาประมาณ 5 ดอลลาร์
O "ซักหรือแช่แข็งตุ๊กตาตัวเก่งของเด็กๆ" เชื้อโรคในมุมมองของวาลดรอน ไม่ได้อยู่แค่ห้องนอน และใช้ห้องนอนเป็นแหล่งแพร่พันธุ์เท่านั้น แต่กองตุ๊กตาสัตว์สารพัดชนิด ที่เด็กๆ โปรดปรานก็อาจเป็นแหล่งที่อยู่ของเชื้อโรคด้วย วาลดรอน เล่าว่ารู้สึกตกใจ ที่ห้องแล็บพิสูจน์ และทดสอบได้ว่า มีตัวเล็นตัวไรจำนวนหลายพันล้านตัว อยู่ตามตัวตุ๊กตาหมี แต่ด้วยวิธีการทำความสะอาดและ ใช้ความเย็นฆ่าเชื้อจะทำให้ตุ๊กตาแสนรักอยู่กับเด็กๆ ไปได้อีกนาน 10-20 ปี หากตุ๊กตานำไปซักได้ ให้ใช้บริการซักแห้ง แต่ถ้าเป็นตุ๊กตาเก่าตัวโปรดของเด็ก ที่ช้ำเกินกว่าจะนำไปซักแห้งได้ ให้ผู้ปกครองหาถุงพลาสติกใส่ตุ๊กตา จากนั้นนำไปแช่ไว้ในช่องแช่แข็งนาน 24 ชั่วโมงเพื่อฆ่าเชื้อโรคร้าย แต่ให้แน่ใจว่าหมดเชื้อจริง ควรจะนำตุ๊กตาไปล้างน้ำตากให้แห้งสนิท ก่อนจะให้เด็กนำไปกอดเล่น
O "ระวังขนสัตว์เลี้ยงทั้งแมวและสุนัข" สัตว์เลี้ยงประเภทแมว และสุนัขอาจเป็นเพื่อนดีที่สุดของมนุษย์ แต่สัตว์เลี้ยงทั้งสองชนิดก็เป็นต้นเหตุ ทำให้สมาชิกภายในบ้านเกิดอาการภูมิแพ้ได้เช่นกัน ข้อมูลที่ได้จาก Asthma and Allergy Foundation พบว่าชาวอเมริกันประมาณ 10 ล้านคน แพ้ขนแมว ขณะที่มีสถิติบ่งบอกว่าขนสุนัข และแมวพบได้ในบ้านเกือบทุกหลัง และพบได้ในบ้านที่ไม่มีสัตว์เลี้ยงเลย วาลดรอน อธิบายว่า การเลือกประเภทสัตว์เลี้ยง ทำให้ความเสี่ยงเกิดโรคภูมิแพ้จากสัตว์แตกต่างกันมาก โดยแมวก่อเกิดอาการภูมิแพ้มากที่สุด ตามด้วยสุนัข และหนู ขณะที่แมวตัวเมียที่มีขนน้อย เป็นสาเหตุให้เกิดโรคภูมิแพ้เรื้อรังน้อยกว่าแมวตัวผู้ที่มีขนหนา
เพื่อระวังขนของสัตว์เลี้ยง และให้แน่ใจว่าขนของพวกมันจะไม่ติดอยู่ตามเฟอร์นิเจอร์ต่างๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเตียงนอน และที่นอน
พึงระวังว่าขนสัตว์เลี้ยงที่ก่อเกิดโรคภูมิแพ้ มักจะติดอยู่ตามพรมผืนหนา ผ้าผืนใหญ่ และเฟอร์นิเจอร์ที่หุ้มด้วยผ้า วาลดรอนแนะนำให้ใช้ผ้าหรือเฟอร์นิเจอร์ในลักษณะข้างต้น ให้น้อยที่สุดเท่าที่จะน้อยได้ หรือลงทุนกับการนำผ้า และเครื่องใช้เหล่านี้ไปทำความสะอาดบ้าง และให้อาบน้ำทำความสะอาดสัตว์เลี้ยงอย่างน้อยครั้งละสัปดาห์ เพื่อลดสิ่งที่ก่อเกิดภูมิแพ้ให้เหลือน้อยที่สุดเท่าที่จะทำได้
O "จัดการฆ่าเชื้อราให้หมด" เชื้อราภายในบ้านสามารถทำให้สมาชิกที่อยู่อาศัยทุกคนเกิดอาการแพ้ได้ สปอร์ของเชื้อรากระจายในอากาศ ทำให้เชื้อแพร่ไปได้ทุกที่ สำหรับจุดอันตรายที่เชื้อราสามารถแพร่พันธุ์อาศัยอยู่ได้ คือห้องใต้ถุน ห้องน้ำ และห้องส้วม หรือแม้แต่ต้นไม้ที่ปลูกในบ้าน หากเชื้อราขยายพันธุ์บนพื้นผิวของสิ่งที่แข็ง อย่างกำแพงบ้านหรือตามท่อน้ำ ด้ามถือฝักบัว ให้ใช้น้ำผสมผงขัดฟอก ถูเอาเชื้อราออกแต่ผู้ทำความสะอาดควรสวมถุงมือ ป้องกันไม่ให้มือถูกผงขัดฟอกหรือสัมผัสกับเชื้อราโดยตรง เพื่อไม่ให้เชื้อรากลับมาอีก ให้แน่ใจด้วยว่าเจ้าของบ้านจะขจัดความชื้นให้หมดไปจากภายในบ้านได้มากถึง 40% หรือใช้เครื่องขจัดความชื้น และอาจใช้แอร์ปรับอากาศขจัดความชื้น และให้สำรวจพื้นที่สนามรอบบ้าน อย่าให้มีกองหญ้าหรือวัชพืชทับถม จนกลายเป็นแหล่งเพาะพันธุ์เชื้อรา
O "เลี่ยงการสัมผัสหรือดมเกสรดอกไม้" อาการน้ำมูกไหล หรือเคืองตาตลอดเวลา เป็นอาการแพ้อาจสันนิษฐานได้ในขั้นต้นว่าเกิดจากเกสรดอกไม้ ซึ่งเป็นปัญหาที่เกิดได้ทุกฤดูกาล โดยเฉพาะในสหรัฐ วิลลิสเล่าว่า ในช่วงฤดูใบไม้ผลิมีเกสรจากดอกไม้นานาชนิดลอยฟ่องในอากาศ ขณะที่ฤดูฝนหญ้าแร็กวีด ซึ่งเป็นหญ้าชนิดหนึ่งที่ทำให้คนเกิดอาการหืดหอบได้ ดังนั้นใครก็ตามที่อ่อนไหวกับการแพ้เกสรดอกไม้ ควรรู้ช่วงเวลาที่เกสรดอกไม้ปลิวหรือลอยอยู่ในอากาศมากมาย ในสหรัฐเกสรดอกไม้ปลิวไปตามลมมาก ในช่วงเวลาระหว่าง 05.00- 10.00 น. ในเวลาดังกล่าวจึงไม่ควรออกจากบ้าน หรือให้ปิดหน้าต่างไว้บ้าง เกสรดอกไม้ในมุมมองของวิลลิส ถือว่าเป็นต้นเหตุโรคภูมิแพ้ ที่มีโอกาสติดตามเนื้อตัวของผู้ที่ชอบท่องเที่ยวเดินทางได้ หากใครเดินทางไปตามที่ต่างๆ เมื่อจะเข้าบ้านควรจะถอดรองเท้าออกเสียก่อน จากนั้นให้ทำความสะอาดผม และร่างกายก่อนเข้านอน เป็นวิธีหนึ่งที่ดีที่สุด ที่จะช่วยให้สมาชิกในบ้านซึ่งแพ้เกสรดอกไม้หรือเป็นโรคหืดหอบ ปลอดภัยหรือห่างไกลจากต้นตอหรือสาเหตุที่ทำให้เกิดอาการป่วยได้มากที่สุด วิลลิสทิ้งท้ายไว้ว่า ขอให้รอบคอบกับเสื้อผ้าที่สวมใส่ไปตามที่ต่างๆนอกบ้านด้วยว่า แม้จะนำไปซักล้างอย่างดีแล้วก็ตาม แต่เกสรดอกไม้หรือหญ้าแร็กวีดสามารถติดแน่นบนเสื้อผ้า ดังนั้นให้หาที่ตากผ้าดีๆ ไว้ ให้ไกลจากห้องนอนหรือบริเวณที่สมาชิกเป็นโรคภูมิแพ้ใช้เป็นประจำ
shared items Me
Blog
-
Rogatis Fall/Winter 2011 Campaign13 ปีที่ผ่านมา
-
มาแต่ง facebook ให้ดูสวย13 ปีที่ผ่านมา
-
แบบน่ารักอินเทรนด์.14 ปีที่ผ่านมา
-
คนราศีไหน ใช้อินเตอร์เน็ตอย่างไร มาดูกัน...15 ปีที่ผ่านมา
-
ทำไมต้องอ้วนเพราะเบียร์ ?15 ปีที่ผ่านมา
-
-
-
DIY ทรงผมไปงานที่คุณก็ทำเองได้15 ปีที่ผ่านมา
-
อัสซุส มาเธอร์บอร์ด รองรับ Windows 7 RC เป็นรายแรกของโลก15 ปีที่ผ่านมา
-
-
ชา..กระดูกและฟัน15 ปีที่ผ่านมา
-
EDITORIAL Emergency rule a failure15 ปีที่ผ่านมา
-
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น