ห้องรับแขก...หน้าต่างของหัวใจ

ว่ากันว่า “ดวงตา คือ หน้าต่างของหัวใจ” ถ้าอย่างนั้น ถ้าเรามองผ่านหน้าต่างเข้าไปเราก็จะได้พบกับหัวใจน่ะสิ ครับ เรากำลังพูดพื้นที่ที่เป็น “หัวใจ” ของบ้าน จุดรวมของบ้าน นั่นก็คือ “ห้องรับแขก” นั่นเอง

ห้องรับแขก คืออะไร ?

ถ้าคิดถึงในแง่มุมของการจัดวางผังบ้าน ห้องรับแขกคือห้องที่มักจะถูกจัดวางอยู่ที่ส่วนแรกของบ้าน เป็นห้องที่เดินผ่านประตูบ้านเข้าปุ้บ ก็เจอปั้บเลย

ในแง่ของความหมายล่ะ ห้องรับแขก แปลตรงตัวโดยไม่ต้องใช้วุ้นภาษาของโดเรมอนช่วย หมายถึงห้องที่เอาไว้ใช้สำหรับรับแขก ห้องที่เอาไว้รับรองอาคันตุกะผู้มาเยือน

ในปัจจุบัน ในยุคที่ที่ดินแพงกว่าทอง ขนาดบ้านมีความเล็กลง เพื่อให้เข้ากับสภาพความเป็นอยู่ของคนเมือง ห้องรับแขก มีความหมายรวมไปถึงห้องนั่งเล่น ห้องพักผ่อน บางคนอาจจะรวมไปถึงห้องกินข้าวก็ยังเป็นได้ เป็นเหตุให้เราต้องใส่ใจกับ “หัวใจ” ของเรามากขึ้น

ห้องรับแขก เปรียบไปก็เหมือนกับหน้าตาของเจ้าของบ้าน ทั้งอุปนิสัย รสนิยม รวมถึงสังคมของคนในบ้านด้วย จึงมักจะเป็นห้องที่ได้รับการตกแต่งเป็นพิเศษมากกว่าห้องอื่น ๆ ทั้งนี้ยังเป็นห้องที่แสดงถึงน้ำใจที่เรามีให้ผู้มาเยือนด้วย

“ทิ้งตัวลงบนโซฟาแสนนุ่ม จิบน้ำส้มเย็นๆ สักแก้ว มองลอดผ่านผ้าม่านโปร่งที่ถูกลมเอื่อยๆ พัด ปลิวไสวไปมา ภาพสวนสีเขียวด้านนอก ตัดกับสีสันสดใสของนกที่แวะมาแทะเล็มเกสรดอกไม้”

คงเป็นน้ำหล่อเลี้ยงจิตใจแขกผู้มาเยือน ที่ต้องผ่านการเดินทางในเมืองได้ดีที่สุด อย่าว่าแต่แขกเลยครับ วันที่เราต้องฝ่ามรสุมสารตะกั่ว การได้ผ่านประตูบ้านเพื่อให้ถึงห้องพักผ่อนคงเป็นสวรรค์น้อยๆ ของแต่ละวัน

การตกแต่งห้องรับแขกจึงมีลักษณะพิเศษเฉพาะตัวไม่น้อย การวางห้องรับแขกนั้นส่วนมากจะจัดวางอยู่ในพื้นที่หน้าทางเข้า

หากมีพื้นที่พออาจจะจัดให้มีตู้รองเท้าสำหรับเดินในบ้าน (สำหรับแขก) โซฟา (ขนาดแล้วแต่ไซส์ของห้องนะจ๊ะ) ควรจะถูกจัดให้อยู่ในตำแหน่งที่มองเห็นทิวทัศน์ที่ดีที่สุด นอกจากโซฟา (ถ้ามีพื้นที่พอนะ) ควรจัดให้มีเก้าอี้นั่งคนเดียวอีก สัก 1-2 ตัวเป็นอย่างน้อย (เอาแบบมีเท้าแขนจะดีมาก)

เนื่องจากบางทีแขกที่มาไม่ได้สนิมกันมาก ถ้าต้องนั่งโซฟาด้วยกัน อาจจะกลายเป็นอึดอัดได้ โต๊ะกลางสวยๆ สักตัว (โดยส่วนตัว ไม่ค่อยชอบโต๊ะกระจก เพราะเวลาวางแก้วต้องเกร็งมือก่อน) อาจจะตกแต่งบริเวณโดยรอบบางส่วน ด้วยการจัดวางกระถางต้นไม้เล็กๆ บ้าง เพื่อให้ห้องดูมีชิวิตชีวา ของโชว์ในห้องให้มีพองามก็พอนะครับ ไม่งั้นมันจะกลายเป็นการข่มผู้มาเยือนซะเปล่าๆ

ทีนี้ลองมาดูห้องรับแขกนี้ดูนะครับ ด้วยเงื่อนไขของแบบบ้านและการกำหนดตำแหน่งที่นั่งโดยคุณหมอ (ซินแส) ซึ่งคำนวณจากวันเกิดของเจ้าของบ้านแล้ว โซฟาและบันไดบังเอิญที่จะต้องมาอยู่ตรงข้ามกันพอดี (และเราไม่สามารถวาง TV ไว้บนบันได ไม่สามารถจริงๆ) แก้ไขด้วยการทำผนังตกแต่งจากพื้นถึงฝ้าเพดาน เพื่อแขวนทีวีและเก็บสายไฟที่ไม่เรียบร้อย

โดยให้แผงผนังตกแต่งนี้ทำหน้าที่ในการแบ่งส่วนรับแขกกับส่วนภายในบ้านไปในตัว (บันไดขึ้นชั้นสอง) ผนังปิดทับด้วนแผ่นลามิเนทลายไม้สีเอิร์ธโทน เพื่อให้มองแล้วสบายตา จัดลายไม้ให้เป็นเส้นแนวนอน จะทำให้ห้องดูกว้างขึ้น ใต้ทีวีมีการเจาะช่องทำชั้นวางกล่องเคเบิลทีวี

รวมถึงเครื่องเล่นต่างๆ โดยที่สายไฟร้อยอยู่ภายใน ด้านหลังตู้สามารถเปิดได้ (หากต้องการ) เวลาปิดก็จะไม่เห็นสายไฟเป็นการขจัดปัญหาเรื่องสายไฟไปในตัวด้วยผนังข้างโซฟา ทาสีน้ำเงินให้เด่นชัดขึ้นมา ทำให้เวลามีแขกมาจะไม่มองเลยเข้าไปถึงโต๊ะกินข้าว แต่จะวางสายตาอยู่ในโซนรับแขก โซฟาสีออกครีมๆ ดูสบายตา (จริงๆ แล้ว ให้เป็นสีเข้มหน่อยก็ได้ จะได้ดูแลรักษาง่าย) โต๊ะกลางแบบขาโปร่ง ท็อปโต๊ะเป็นลายไม้สีอ่อน วางพรมผืนด้านใต้ซักผืนเพื่อเพิ่มความอบอุ่นให้กับบริเวณ

การจัดพื้นที่แบบง่ายๆ เพียงใส่ไอเดีย ในการจัดวางเข้าไปอีกนิดหน่อยก็ทำให้บ้านดูมีอะไรขึ้นเยอะครับ การจัดวางพื้นที่ส่วนรับแขกให้ดูดี มีส่วนสำคัญที่จะทำให้บ้านทั้งหลังดูดีไปด้วยแบบอัตโนมัติ และยังมีส่วนเพิ่มความประทับใจให้แขกที่มีต่อตัวของเจ้าของบ้านอีกด้วย

“ดวงตา” อาจจะเป็นสิ่งที่บ่งบอกความรู้สึกที่เรามีต่อแขกได้เป็นอย่างดี แต่มันจะดีกว่านั้นไม่ใช่หรือ ถ้าเราสามารถเปิด “ใจ” โดยที่แขกของเราไม่ต้องมองผ่าน “หน้าต่าง” อีกต่อไป

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

shared items Me